แม้มีการณรงค์ให้คัดแยกขยะเพื่อความสะดวกในการทิ้ง รวมถึงการแยกเพื่อนำประเภทของขยะต่าง ๆ ไปเข้าสู่ระบบตามที่รัฐควบคุมต่อไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในหลายครัวเรือนยังมีการทิ้งขยะรวม ๆ กันอยู่ในถุงเดียว นั่นส่งผลให้คนเก็บขยะเองสุ่มเสี่ยงอันตรายเพราะในถุงนั้นอาจรวมสารเคมี เศษอาหาร หรือสิ่งอื่นใดที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ สีของถุงขยะที่มีการผลิตขึ้นมาจึงไม่ใช่แค่เป็นการแยกขยะอย่างเหมาะสม แต่ยังช่วยแจ้งเตือนให้พนักงานเก็บขยะรู้ว่าภายในมีอะไรด้วย
การแยกสีถุงขยะ ช่วยให้พนักงานทำงานง่ายขึ้น
ทุกวันนี้บรรดาผู้ผลิตเองต่างก็เพิ่มสีสันให้กับถุงขยะเพื่อง่ายต่อการเก็บของพนักงานมากขึ้น แม้หลาย ๆ คนยังคงเลือกใช้ถุงดำเป็นหลัก แต่ถ้าหากมีขยะบางประเภทที่ควรแยกจริง ๆ การนำถุงที่มีสีสันต่าง ๆ มาใช้ก็ถือว่าช่วยให้การเก็บขยะเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น โดยแต่ละสีมีความหมายดังนี้
- ถุงสีเขียว – ด้วยสีสันที่บ่งบอกชัดเจนจึงทำให้สีนี้เหมาะกับการใส่บรรดาเศษขยะ ของที่เน่าเสียง่าย ขยะมูลฝอยต่าง ๆ รวมถึงบรรดาขยะที่ย่อยสลายได้อย่างรวดเร็ว เช่น เศษอาหาร, วัตถุดิบสดที่ใม่ใช้งานหลังปรุงอาหาร, ขยะเปียกต่าง ๆ เป็นต้น
- ถุงสีเหลือง – เป็นถุงเฉพาะสำหรับแยกใส่ขยะทั่วไปที่สามารถนำไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ จึงไม่ต้องเอาไปทิ้งหรือผ่านกระบวนการทำลายให้สิ้นเปลืองพลังงาน เช่น ขวดพลาสติก, ขวดแก้ว กระดาษ เป็นต้น
- ถุงสีฟ้า หรือ สีน้ำเงิน – เป็นอีกประเภทถุงขยะที่ผลิตขึ้นมาใหม่ หลัก ๆ แล้วจะเลือกใส่บรรดาขยะที่ย่อยสลายยาก หรือไม่คุ้มค่ากับการนำไปย่อยสลายเท่าไหร่นัก ขยะในถุงสีนี้จึงมักถูกทำลายด้วยกระบวนการที่เหมาะสม เช่น กล่องโฟม, วัสดุที่ทำจากพลาสติก เป็นต้น
- ถุงสีแดง – เป็นสีที่มีความชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว นั่นคือเอาไว้สำหรับทิ้งบรรดาขยะที่มีสารพิษ สารเคมีต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับผู้ที่สัมผัสเข้าไปโดยตรงไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง, การสูดดม, ดวงตา ฯลฯ รวมไปถึงใช้ทิ้งขยะที่เป็นวัตถุชนวนของการระเบิด และขยะที่อันตรายต่อคน สัตว์ พืช ทั่ว ๆ ไป เช่น กระป๋องยาฆ่าแมลง, ขวดน้ำยาล้างห้องน้ำ, ถ่านไฟฉาย เป็นต้น
จริง ๆ แล้วการที่เราทิ้งขยะกันทุกวันถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ารู้ว่าบ้านของตนเองอาจมีขยะบางประเภทที่ควรแยกออกให้ชัดเจน เช่น ขยะที่มีสารเคมี, ขยะจากการทำอาหารเป็นประจำ การแยกสีของถุงขยะเอาไว้นอกจากช่วยให้การเก็บง่ายขึ้น ยังปลอดภัยต่อพนักงานเก็บขยะอีกด้วย